Spider-Man: Homecoming (2017)

“Spider-Man: Homecoming” (2017) นับเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่น่าจับตาที่สุดของการนำเสนอตัวละครสไปเดอร์-แมนเข้าสู่จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (MCU) ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉีกขนบเดิม ๆ ด้วยการไม่ย้อนเล่าเรื่องราวต้นกำเนิดซ้ำซ้อน แต่เลือกที่จะเจาะลึกเข้าไปในชีวิตของ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ (ทอม ฮอลแลนด์) ในฐานะเด็กนักเรียนมัธยมปลายผู้เพิ่งค้นพบพลัง และต้องเผชิญกับบททดสอบทั้งในโลกของวัยรุ่นและภาระหน้าที่ของซูเปอร์ฮีโร่

ภาพยนตร์เปิดเรื่องอย่างชาญฉลาด

โดยอ้างอิงถึงเหตุการณ์ใน Captain America: Civil War ซึ่งทำให้ผู้ชมเข้าใจสถานะปัจจุบันของปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ในฐานะผู้ที่ได้รับโอกาสพิเศษจาก โทนี่ สตาร์ค (โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์) โทนี่ทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ให้คำปรึกษาและผู้มอบชุดสไปเดอร์-แมนอันทันสมัยพร้อมระบบ AI อัจฉริยะ “แคเรน” ทว่าความสัมพันธ์นี้มาพร้อมกับข้อจำกัดที่โทนี่กำหนดไว้: ปีเตอร์ควรทำหน้าที่เพียง “สไปเดอร์-แมนเพื่อนบ้าน” ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายความมุ่งมั่นของปีเตอร์ในการก้าวสู่การเป็นฮีโร่ระดับสากล

แก่นหลักของเรื่องราว

อยู่ที่ความพยายามของปีเตอร์ในการพิสูจน์ตนเอง เขามุ่งมั่นที่จะปฏิบัติภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่าการแก้ไขปัญหาเล็กน้อยในท้องถิ่น ซึ่งนำพาเขาเข้าสู่การสืบสวนอาวุธล้ำสมัยที่สร้างจากเทคโนโลยีต่างดาว อันเป็นฝีมือของ เอเดรียน ทูมส์ (ไมเคิล คีตัน) หรือที่รู้จักกันในนาม “วัลเจอร์” ตัวละครวายร้ายนี้ถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างมีมิติ เขาไม่ได้เป็นเพียงผู้ร้ายที่ชั่วร้ายโดยไร้เหตุผล แต่เป็นชายผู้ที่ธุรกิจพังทลายลงจากอิทธิพลของบริษัทใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับโทนี่ สตาร์ค ทำให้เขาต้องหันเข้าสู่เส้นทางอาชญากรรมเพื่อความอยู่รอด นี่คือจุดแข็งที่ทำให้ตัวร้ายในภาคนี้มีความน่าสนใจและเป็นปฎิปักษ์ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง

การกระทำที่ขาดประสบการณ์และบุ่มบ่ามของปีเตอร์ในการสืบสวนคดีของวัลเจอร์

นำไปสู่เหตุการณ์สำคัญบนเรือเฟอร์รี่ ที่โทนี่ สตาร์ค จำต้องเข้ามาแก้ไขสถานการณ์ด้วยตนเอง เหตุการณ์นี้เป็นจุดที่ทำให้โทนี่ตัดสินใจ ริบชุดสไปเดอร์-แมนไฮเทคคืน ซึ่งเป็นบทเรียนอันสำคัญที่ผลักดันให้ปีเตอร์ต้องพึ่งพาตนเองและเข้าใจถึงผลที่ตามมาของการกระทำโดยประมาท

จุดพลิกผันที่น่าตื่นเต้นที่สุดของภาพยนตร์เกิดขึ้นเมื่อปีเตอร์ค้นพบความจริงอันน่าตกใจว่า ลิซ อัลลัน (ลอรา แฮร์เรียร์) รุ่นพี่ที่เขาชื่นชอบ คือ บุตรสาวของเอเดรียน ทูมส์ การเปิดเผยความลับนี้ยกระดับความขัดแย้งของเรื่องราวให้มีความเป็นส่วนตัวและเข้มข้นยิ่งขึ้น ทำให้ปีเตอร์ต้องเผชิญหน้ากับวายร้ายที่อยู่ใกล้ตัวอย่างคาดไม่ถึง และถูกข่มขู่ถึงชีวิตของคนใกล้ตัว

ในฉากไคลแม็กซ์ ซึ่งเป็นการเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายบนเครื่องบินขนส่ง ปีเตอร์ต้องใช้ไหวพริบและพลังทั้งหมดที่มี โดยปราศจากความช่วยเหลือจากชุดไฮเทค การต่อสู้นี้ไม่ได้เป็นเพียงการปราบปรามวายร้าย แต่เป็นการพิสูจน์ถึง “หัวใจ” ของปีเตอร์ในฐานะฮีโร่ที่แท้จริง ซึ่งได้รับการเน้นย้ำด้วยการที่เขาเลือกที่จะช่วยเหลือชีวิตของวัลเจอร์ไว้ แม้ว่าจะเป็นศัตรูก็ตาม

ภายหลังความสำเร็จในการหยุดยั้งวัลเจอร์ โทนี่ สตาร์ค ได้กลับมาเสนอตำแหน่งสมาชิกอเวนเจอร์สอย่างเต็มตัวให้ปีเตอร์ ทว่าการตัดสินใจของปีเตอร์ที่จะปฏิเสธข้อเสนอนั้น โดยเลือกที่จะคงบทบาท “สไปเดอร์-แมนเพื่อนบ้าน” เพื่อพัฒนาตนเองและรักษาสมดุลชีวิตในวัยหนุ่ม ถือเป็นการแสดงออกถึงการเติบโตที่สำคัญของตัวละคร ฉากปิดท้ายที่ป้าเมย์ได้ล่วงรู้ความลับของปีเตอร์โดยบังเอิญนั้น ก็เป็นการทิ้งท้ายที่น่าสนใจและสร้างความคาดหวังสำหรับภาคต่อได้อย่างยอดเยี่ยม

Spider-Man: Homecoming

ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในการนำเสนอภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่ผสมผสานความตื่นเต้นของแอ็คชั่นเข้ากับความน่าสนใจของดราม่าวัยรุ่นได้อย่างลงตัว ทอม ฮอลแลนด์ มอบการแสดงที่น่าเชื่อถือและเปี่ยมเสน่ห์ ทำให้ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ในเวอร์ชันนี้เป็นที่รักของผู้ชมได้อย่างรวดเร็ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ตอกย้ำแก่นแท้ของสไปเดอร์-แมนในฐานะฮีโร่ผู้ใกล้ชิดกับผู้คนธรรมดา และเน้นย้ำว่าการเป็นฮีโร่ที่แท้จริงไม่ได้ขึ้นอยู่กับพลังหรือชุดที่ยิ่งใหญ่ แต่ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบและหัวใจที่พร้อมจะเสียสละ ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นผลงานที่น่าจดจำและเป็นส่วนสำคัญในการปูทางให้กับอนาคตของสไปเดอร์-แมนใน MCU